EP.1 ข้อดีของการเลี้ยง ห่าน สัตว์เศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ และ สร้างอาชีพ ตอนที่ 1 | เลี้ยงห่านสร้างรายได้



สวัสดีครับ พบกันอีกเช่นเคยกับ ดลรวี ภัทรกุลพิมล นะครับ อาสาปศุสัตว์ดีเด่น ระดับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในบทความนี้ผมก็มีเรื่องราวดีๆ สาระน่ารู้ นำมาฝากกันอีกเช่นเคยนะครับ ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำเรื่องการเลี้ยงห่านเพื่อเป็นการสร้างอาชีพกันนะครับ เมื่อพูดถึงการเลี้ยงห่านนั้นเราสามารถจะเลี้ยงเป็นงานอดิเรกหรือสามารถทำเป็นอาชีพหลักก็ได้นะครับ เพราะห่านเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย มีความต้องการของตลาดสูง โดยเฉพาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) การเลี้ยงห่านเหมาะกับการเลี้ยงเป็นอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรหรือผู้สนใจในการทำอาชีพเกษตรทั้งมือใหม่และมือเก่านะครับ เรามารู้จักกับ ห่าน กันเลยดีกว่านะครับ..

รับชมคลิปวีดีโอแนะนำการเลี้ยงห่านทั้งสามตอนได้ที่นี่  ตอนที่1ตอนที่2 | ตอนที่3


การเลี้ยงห่าน...ด้วยความน่ารักของห่านนะครับ เราจะรับรู้ได้เลยว่าห่านเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยเป็นโรค มีสุขภาพแข็งแรง โตเร็ว ทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เหมาะเป็นอย่างยิ่งในการเลี้ยงในภูมิภาค และ ภูมิศาสตร์บ้านเรานั่นเองนะครับ การเลี้ยงห่านก็เพราะเราต้องใช้ประโยชน์มาเป็นอาหารทางโปรตีน และการเลี้ยงห่านนั้น เป็นการใช้เงินลงทุนที่ต่ำมาก ลักษณะการเลี้ยงเราอาจจะเลี้ยงแบบขังเล้า หรือปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติ ท้องทุ่ง ท้องนา ปล่อยให้เล็มหญ้าหรือวัชพืช และมีการให้อาหารข้นที่ประกอบด้วย รำ ปลายข้าว ข้าวเปลือก เสริมให้กินเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วนะครับสำหรับการเลี้ยงห่านปัจจุบันการเลี้ยงห่านยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เพราะว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความเชื่อในการบริโภคเนื้อห่านว่าเป็นอาหารแสลงนั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงมิได้เป็นเช่นนั่นไม่ บางรายอาจมีอาการแพ้บ้าง แต่เป็นส่วนน้อยมากๆ นั้นเองนะครับ...

มาถึงตรงนี้เรามาทำความรู้จักกับสายพันธุ์ห่านแต่ละชนิดที่เรานิยมเลี้ยงกันนะครับ...


พันธุ์ของห่าน
เรามารู้จักกับ พันธุ์ห่าน กันนะครับ  พันธุ์ห่าน ที่นิยมเลี้ยงกันมากมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมเลี้ยงกันก็จะมีพันธุ์ เช่น พันธุ์จีน มีทั้งสีขาวและสีเทา พันธุ์เอมเดน พันธุ์โทเลาซ์ พันธุ์พิลกริม พันธุ์อาฟริกา และ พันธุ์อิยิปต์เซียน นอกจากพันธุ์ห่านดังกล่าวแล้ว ยังมีการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อผลิตห่านลูกผสมออกมาอีกด้วย


พันธุ์จีน (Chinese)
ห่านสายพันธุ์ จีน (Chinese) มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดที่เป็นที่นิยม คือ พันธุ์จีนสีขาว (White Chinese) และ พันธุ์จีนสีเทา  (Brown Chinese) ซึ่งห่านสายพันธุ์นี้จะมีรูปร่างเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่มีข้อดีคือห่านสายพันธุ์นี้จะโตเร็ว เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักปานกลางซึ่งเหมาะสำหรับส่งขายตลาด น้ำหนักเมื่อเป็นหนุ่มสาวตัวผู้หนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 3.6 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักเมื่อโตเต็มวัย ตัวผู้จะอยู่ประมาณ 5.5 กิโลกรัม และตัวเมียหนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพันธุ์อื่นๆ แล้วห่านพันธุ์จีนยังให้ไข่ตอนอายุน้อยๆ และให้ไข่ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ โดยเฉลี่ยให้ไข่ประมาณ 30-40 ฟองต่อปี ซึ่งเคยมีรายงานการให้ไข่สูงสุดถึงปีละ 132 ฟอง และน้ำหนักไข่เฉลี่ยฟองละ 150 กรัมเลยทีเดี่ยวนะครับ...


พันธุ์เอมเดน (Embden)
ห่านสายพันธุ์ เอมเดน (Embden) มีแหล่งกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ขนมีสีขาวบริสุทธิ์ตลอดตัว มีลักษณะค่อนข้างสวยงามแต่ขนบางเบา จึงมองเห็นเหมือนตั้งชี้ตรงขึ้นไป มีลักษณะลำตัวตรง ค่อนข้างใหญ่ มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว สามารถทำน้ำหนักตัวได้เต็มที่ในระยะเวลาอันสั้น เหมาะสำหรับเลี้ยงไว้เพื่อจำหน่ายเนื้อ น้ำหนักตัวเมื่อเป็นหนุ่มสาว ตัวผู้หนักประมาณ 9 กิโลกรัม และตัวเมียหนักประมาณ 7 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ตัวผู้หนักประมาณ 12 กิโลกรัม และตัวเมียหนัก 9 กิโลกรัม ให้ไข่ได้ดีพอประมาณเฉลี่ยประมาณ ตัวละ 30-40 ฟองต่อปี


พันธุ์โทเลาซ์ (Toulouse)
ห่านสายพันธุ์ โทเลาซ์ (Toulouse) มีแหล่งกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส ทางตอนใต้ ที่ชื่อเมือง โทเลาซ์ ลักษณะเฉพาะของห่านสายพันธุ์นี้คือ อ้วนล่ำ ลำตัวกว้าง มีขนไม่หนา ตรงกลางหลังมีขนสีเท่าเข้ม ซึ่งจะค่อยๆจางลงมาเรื่อยๆ ตรงอกและท้อง มีแถบเป็นขอบสีขาว ตาสีน้ำตาลแก่หรือน้ำตาลแดง ปากมีสีส้มอ่อนๆ แข้งและข้อเท้ามีสีส้มปนแดง ส่วนขาตอนล่างและเล็บเท้ามีสีแสดเข้ม น้ำหนักตัวเมื่อเป็นหนุ่มสาว ตัวผู้หนักประมาณ 9 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักที่โตเต็มที่  ตัวผู้หนักประมาณ 12 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 9 กิโลกรัม ซึงเมื่อเทียบกับห่านสายพันธุ์ เอมเดน แล้วจะมีขนาดเท่าๆกัน การให้ไข่เฉลี่ยประมาณตัวละ 34 ฟองต่อปี


พันธุ์อาฟริกัน (African)
ห่านสายพันธุ์ อาฟริกัน (African) เป็นห่านรูปร่างสายงาม มีก้อนตุ่มขนาดโตสีดำ เห็นได้ชัดเจนบนหัว ลักษณะลำตัวยาวรี หัวสีน้ำตาลอ่อน จงอยปากเป็นสีดำ ขนบริเวณปีกและหลังสีเทาอ่อนปนน้ำตาล ขนตรงคอและอกสีเดียวกัน แต่อกสีอ่อนกว่าเล็กน้อย ขนใต้ลำตัวมีสีอ่อนกว่าขนตรงอกจนเกือบจะเป็นสีขาว แข้งและเท้าสีส้มเข็ม น้ำหนักตัวเมื่อเป็นหนุ่มสาว ตัวผู้หนักประมาณ 7 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 6 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักที่โตเต็มที่  ตัวผู้หนักประมาณ 9 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 8 กิโลกรัม การให้ไข่เฉลี่ยประมาณตัวละ 10-40 ฟองต่อปี


พันธุ์แคนาดา (Canada goose)
ห่านสายพันธุ์ แคนาดา (Canada goose) เป็นห่านป่าที่มีถิ่นฐานอยู่ทางอเมริกาเหนือ ขนาดค่อนข้างเล็ก ลำตัวค่อนข้างยาว หัวมีสีดำ มีคาดสีเทาหรือขาวบนหน้าทั้งสองข้าง คอสีดำ หลังสีดำปนเทา ขนปีกมีสีดำขลิบเทาอ่อนและมีขนาดยาวใหญ่ เจริญเติบโตช้าและให้ไข่น้อยมากๆ น้ำหนักตัวเมื่อเป็นหนุ่มสาว ตัวผู้หนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักที่โตเต็มที่  ตัวผู้หนักประมาณ 5.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม

พันธุ์อิยิปต์เซียน (Egyptian)
ห่านสายพันธุ์ อิยิปต์เซียน (Egyptian) เป็นห่านขนาดเล็ก ลำตัวค่อนข้างยาวเล็กและเรียว จงอยปากสีม่วงอมแดง หัวสีดำปนเทามีจุดสีน้ำตาลอมแดงรอบๆตา ลำตัวส่วนบนมีสีเทาปนดำ ส่วนล่างสีเหลืองเป็นลายๆ สลับริ้วสีดำ แข่งและเท้าสีเหลืองออกแดง


พันธุ์พิลกริม (Pilgrim)
ห่านสายพันธุ์ พิลกริม (Pilgrim) นี้มีสีแตกต่างกันระหว่างตัวผู้กับตัวเมียอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออายุได้ 1 วัน ตัวผู้จะมีสีครามจางๆ ไปทางขาว ส่วนตัวเมียจะมีสีเทา พอโตขึ้นตัวผู้จะมีสีขาวตลอดร่าง แต่ตัวเมียจะมีสีเทาปนขาว ลักษณะรูปร่างอยู่ในขนาดกลาง น้ำหนักตัวเมื่อเป็นหนุ่มสาว ตัวผู้หนักประมาณ 5.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักที่โตเต็มที่  ตัวผู้หนักประมาณ 6.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 6 กิโลกรัม การให้ไข่เฉลี่ยประมาณตัวละ 29-39 ฟองต่อปี


ประโยชน์ของการเลี้ยงห่าน
1- เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว เมื่อลูกห่านอายุได้ 10 วัน ขึ้นไป เปอร์เซ็นการเลี้ยงรอดประมาณ 80 % ใช้เวลาเลี้ยงส่งตลาดใช้ระยะเวลาอันสั้น อายุประมาณ 15 สัปดาห์ ก็บริโภคได้ ส่งตลาดได้แล้วนะครับ
2- การลงทุนต่ำ เนื่องจากห่านสามารถใช้ประโยชน์จากอาหารคุณภาพต่ำ อาทิเช่น พืชอาหารสัตว์ ตระกูลหญ้า และ ตระกูลถั่ว
3- เลี้ยงได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ดอน ที่ลุ่ม แม้ในบริเวณบ้านก็ใช้เลี้ยงห่านได้ ขอให้มีที่บังแดดกันฝนก็เพียงพอแล้ว
4- ช่วยทำให้พื้นที่สะอาด ห่านสามารถกินหญ้าหรือวัชพืชต่างๆได้เป็นอย่างดี จึงช่วยทำให้บริเวณที่เลี้ยงสะอาด
5- มูลห่านใช้เป็นปุ๋ยสำหรับใส่ต้นไม้และพืชผักได้
6- ช่วยเฝ้าบ้านและป้องกันสัตว์ร้ายในบริเวณบ้าน เช่น แมลงป่อง ตะขาบ และงูเป็นต้นรวมถึงวัชพืชต่างๆได้ดี


โรงเรือนสำหรับเลี้ยงห่าน
ปกติแล้วโรงเรือนสำหรับเลี้ยงห่านส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะจำเป็นนัก นอกจากห่านในระยะแรกเกิด ควรมีโรงเรือนเลี้ยงเป็นสัดส่วน แต่อย่างไรควรจะสร้างเป็นโรงเรือนเล็กๆ แยกสำหรับเลี้ยงห่าน หรือเลี้ยงรวมกับเป็ด ไก่ ก็ได้โดยแยกกั้นแยกสัดส่วนอย่างชัดเจน หรือหากต้องการลดต้นทุนอาจจะกั้นบริเวณใต้ถุนหรือบริเวณลานบ้าน ใช้สังกะสีหรือรวดตาข่ายความสูง 1 เมตร ล้อมกั้นบริเวณก้ได้ เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยสถานที่ สิ่งสำคัญก็คือพื้นของโรงเรือน หรือบริเวณที่กั้นเลี้ยงห่านจะต้องแห้ง มีวัสดุรองพื้นหนาพอสมควร ในการเลี้ยงปล่อยควรมีร่มไม้ไว้ให้ห่านสำหรับหลบแดดด้วย


ความต้องการพื้นที่เลี้ยงของห่านในขนาดต่างๆ
ลูกห่านอายุ 1 สัปดาห์ ควรจัดให้มีพื้นที่ 1/2 - 3/4 ตารางฟุต ต่อตัว
ลูกห่านอายุ 2 สัปดาห์ ควรจัดให้มีพื้นที่ 1 - 2 ตารางฟุต ต่อตัว
ลูกห่านอายุ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรจัดให้มีพื้นที่ 2 ตารางฟุต ต่อตัว
แต่ควรเลี้ยงแบบปล่อยอิสระโดยออกเลี้ยงทุ่งหญ้าหรือแปลงหญ้า

การเลี้ยงห่านแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1-การเลี้ยงห่านพันธุ์เพื่อผลิตไข่ที่มีเชื้อขายให้แก่โรงฟักในประเทศหรือส่งออกไข่ที่มีเชื้อไปขายต่างประเทศ
2-การเลี้ยงห่านเนื้อ เพื่อขุนขาย สำหรับเป็นอาหารตามร้านอาหารและภัตตาคาร หรือใช้ในเทศกาลตรุษจีน สาร์ทจีน

วิธีการเริ่มต้นเลี้ยงห่าน สามารถทำได้ 2 วิธีคือ

1- ซื้อไข่มาฟักเอง ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากและต้องรู้จักวิธีการฟักไข่
2- ซื้อลูกห่านมาเลี้ยง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกกว่า


ดลรวี ภัทรกุลพิมล
อาสาปศุสัตว์ดีด่น ระดับจังหวัดกรุงเทพมหานคร
Website : https://www.anragon.com/
Facebook : https://www.Facebook.com/LivestockNJ
Youtube :  https://goo.gl/F6d8A4


https://www.anragon.com/2020/06/ep2-teaching-geese-raising-economy.html